วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อริยสัจ 4


    
      อริยสัจ 4 แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ มีอยู่ 4 ประการ คือ

  1. ทุกข์ คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น ได้แก่
    • ชาติ (การเกิด)
    • ชรา (การแก่ การเก่า)
    • มรณะ (การตาย การสลายไป การสูญสิ้น) การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก การปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่สมหวังในสิ่งนั้น กล่าวโดยย่อ ทุกข์ก็คืออุปาทานขันธ์ หรือขันธ์ 5

  1. สมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา 3 คือ
    • กามตัณหา-ความทะยานอยากในกาม ความอยากได้ทางกามารมณ์, รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
    • ภวตัณหา-ความทะยานอยากในภพ ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยภวทิฏฐิหรือสัสสตทิฏฐิ และ
    • วิภวตัณหา-ความทะยานอยากในความปราศจากภพ ความอยากไม่เป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยวิภวทิฏฐิหรืออุจเฉททิฏฐิ

  1. นิโรธ คือ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ กล่าวคือ ดับตัณหาทั้ง 3 ได้อย่างสิ้นเชิง

  1. มรรค คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่ความดับทุกข์ ได้แก่ มรรคอันมีองค์ประกอบอยู่ 8ประการ คือ

    • สัมมาทิฏฐิ-ความเห็นชอบ
    • สัมมาสังกัปปะ-ความดำริชอบ
    • สัมมาวาจา-เจรจาชอบ
    • สัมมากัมมันตะ-ทำการงานชอบ
    • สัมมาอาชีวะ-เลี้ยงชีพชอบ
    • สัมมาวายามะ-พยายามชอบ
    • สัมมาสติ-ระลึกชอบ
    • สัมมาสมาธิ-ตั้งใจชอบ
ซึ่งรวมเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" หรือทางสายกลาง

อริยสัจ 4เรียกสั้น ๆ ว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค

มรรคมีองค์แปดนี้สรุปลงในไตรสิกขา ได้ดังนี้
  • ศีล สีลสิกขา ได้แก่ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ
  • สมาธิ จิตสิกขา ได้แก่ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ
  • ปัญญาสิกขา ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะ