อริยสัจ 4 แปลว่า ความจริงอันประเสริฐ มีอยู่ 4 ประการ คือ
- ทุกข์ คือ สภาพที่ทนได้ยาก ภาวะที่ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สภาพที่บีบคั้น ได้แก่
- ชาติ (การเกิด)
- ชรา (การแก่ การเก่า)
- มรณะ (การตาย การสลายไป การสูญสิ้น) การประสบกับสิ่งอันไม่เป็นที่รัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก การปรารถนาสิ่งใดแล้วไม่สมหวังในสิ่งนั้น กล่าวโดยย่อ ทุกข์ก็คืออุปาทานขันธ์ หรือขันธ์ 5
- สมุทัย คือ สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ได้แก่ ตัณหา 3 คือ
- กามตัณหา-ความทะยานอยากในกาม ความอยากได้ทางกามารมณ์, รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
- ภวตัณหา-ความทะยานอยากในภพ ความอยากเป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยภวทิฏฐิหรือสัสสตทิฏฐิ และ
- วิภวตัณหา-ความทะยานอยากในความปราศจากภพ ความอยากไม่เป็นโน่นเป็นนี่ ความอยากที่ประกอบด้วยวิภวทิฏฐิหรืออุจเฉททิฏฐิ
- นิโรธ คือ ความดับทุกข์ ได้แก่ ดับสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ กล่าวคือ ดับตัณหาทั้ง 3 ได้อย่างสิ้นเชิง
- มรรค คือ แนวปฏิบัติที่นำไปสู่ความดับทุกข์ ได้แก่ มรรคอันมีองค์ประกอบอยู่ 8ประการ คือ
- สัมมาทิฏฐิ-ความเห็นชอบ
- สัมมาสังกัปปะ-ความดำริชอบ
- สัมมาวาจา-เจรจาชอบ
- สัมมากัมมันตะ-ทำการงานชอบ
- สัมมาอาชีวะ-เลี้ยงชีพชอบ
- สัมมาวายามะ-พยายามชอบ
- สัมมาสติ-ระลึกชอบ
- สัมมาสมาธิ-ตั้งใจชอบ
ซึ่งรวมเรียกอีกชื่อหนึ่งได้ว่า "มัชฌิมาปฏิปทา" หรือทางสายกลาง
อริยสัจ 4เรียกสั้น ๆ ว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ และมรรค
มรรคมีองค์แปดนี้สรุปลงในไตรสิกขา
ได้ดังนี้
- ศีล สีลสิกขา ได้แก่ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ
- สมาธิ จิตสิกขา ได้แก่ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ
- ปัญญาสิกขา ได้แก่ สัมมาทิฏฐิ และสัมมาสังกัปปะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น